หน้าแรก > ถามตอบ > โดเมนเนม
ถามตอบ เกี่ยวกับโดเมนเนม
โดเมนเนม หรือ Domain Name?
โดเมนเนม (Domain Name) เป็นชื่อสำหรับเรียกชื่อที่อยู่ของเว็บเพจของเรา ตัวอย่างง่าย ๆ อาจจะเปรียบเทียบ
โดเมนเนมของคุณเป็นบ้านเลขที่ ซึ่งมีไว้สำหรับให้เครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ทั่วโลกรู้จักบ้านของเรา ซึ่งแต่เดิมถูกระบุ
เป็นตัวเลขไว้ เช่น 203.150.225.92 โดเมนเนมนั้นอาจจะมีความหมายหรือเรียกได้อีกหลายชื่อเช่น เว็บไซต์ หรือ ยูอาร์แอล
ชื่อโดเมนเนม นั้นถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับการดำเนินธุรกิจบนอินเตอร์เน็ตเพราะจะทำให้ ผู้ที่ได้เข้ามา
เยี่ยมชมเว็บไซต์ สามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่เราจัดเตรียมไว้ในเว็บไซต์ได้อย่างสะดวก เช่น ข่าวสารต่าง ๆ ข้อมูลสินค้า
และบริการ ซึ่งจะให้ความสะดวกรวดเร็วแก่ผู้เยี่ยมชมเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันชื่อโดเมนเนมที่ได้รับความนิยมในการจดทะเบียนโดเมนเนม จะมีนามสกุลเป็น .COM เพราะเป็นที่รู้จัก
กันอย่างแพร่หลายมากกว่าชื่อโดเมนเนมนี้ ค่อนข้างจะจำง่าย สะดวกในการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
โดเมนเนมของคุณเป็นบ้านเลขที่ ซึ่งมีไว้สำหรับให้เครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ทั่วโลกรู้จักบ้านของเรา ซึ่งแต่เดิมถูกระบุ
เป็นตัวเลขไว้ เช่น 203.150.225.92 โดเมนเนมนั้นอาจจะมีความหมายหรือเรียกได้อีกหลายชื่อเช่น เว็บไซต์ หรือ ยูอาร์แอล
ชื่อโดเมนเนม นั้นถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับการดำเนินธุรกิจบนอินเตอร์เน็ตเพราะจะทำให้ ผู้ที่ได้เข้ามา
เยี่ยมชมเว็บไซต์ สามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่เราจัดเตรียมไว้ในเว็บไซต์ได้อย่างสะดวก เช่น ข่าวสารต่าง ๆ ข้อมูลสินค้า
และบริการ ซึ่งจะให้ความสะดวกรวดเร็วแก่ผู้เยี่ยมชมเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันชื่อโดเมนเนมที่ได้รับความนิยมในการจดทะเบียนโดเมนเนม จะมีนามสกุลเป็น .COM เพราะเป็นที่รู้จัก
กันอย่างแพร่หลายมากกว่าชื่อโดเมนเนมนี้ ค่อนข้างจะจำง่าย สะดวกในการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
กฏมาตรฐานโลกที่บังคับใช้ในการจดโดเมนเมน
กฏมาตรฐานโลกที่บังคับใช้ในการจดโดเมนเนม
- ภายในชื่อโดเมนเนมสามารถใช้ตัวอักษร a-z, 0-9 และ เครื่องหมาย - (hyphen) ได้
- ชื่อโดเมนเนมจะต้องไม่ขึ้นต้นและลงท้ายด้วย _ หรืออักขระพิเศษใดๆ
- ชื่อโดเมนเนมจะต้องมีความยาวไม่น้อยกว่า 3 ตัวอักษร และไม่ยาวเกินกว่า 63 ตัวอักษร
- หลังจากการจดโดเมนเนมแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนชื่อโดเมนเนมได้
- หลังจากจดโดเมนเนมถูกจดทะเบียนแล้ว ภายใน 60 วันนับตั้งแต่วันแรกที่จดทะเบียนโดเมนเนม ท่านเจ้าของโดเมนเนมจะไม่สามารถย้ายผู้ให้บริการได้
- โดเมนเนมที่หมดอายุแล้วจะไม่สามารถย้ายผู้ให้บริการได้
ข้อควรรู้ของโดเมนก่อนจะทำจดโดเมนเนม
ข้อควรรู้ ของโดเมนเนมก่อนจะทำจดโดเมนเนม
- ควรคิดชื่อโดเมนเนมให้พร้อมก่อนการจดทะเบียนและควรคิดไว้หลายๆชื่อ
- แต่ละชื่อควรจะสามารถสื่อถึงความหมายของเว็บไซต์ได้
- ไม่ควรคิดชื่อโดเมนเนมที่คลุมเครือ เช่น 4u เพราะผู้อื่นอาจจะตีความหมายเป็นหลายอย่างได้ เช่น foryou foru 4you เป็นต้น
- โดเมนเนมที่ตั้งไม่ควรยาวจนเกินไป เพราะจะทำให้ยากแก่การจดจำ
- อีเมล์ที่ใช้ในการจดทะเบียนไม่ควรใช้อีเมล์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือของระบบ เพราะอาจจะทำให้เสียโดเมนเนมได้เมื่อผู้ให้บริการอีเมล์ปิดตัวลงต้องระวังผู้ให้บริการ Hosting ที่แถมฟรีโดเมนเนม เพราะว่าบางแห่งจะใช้ชื่อเจ้าของ Hosting เป็นคนจดทะเบียนเพราะเราจะไม่มีสิทธิเข้าไปจัดการโดเมนเนมของตัวเองได้ ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาเมื่อต้องการย้ายผู้ให้บริการได้
- ควรจะจดโดเมนเนมกับผู้ให้บริการที่ให้ชื่อเราเป็นเจ้าของโดเมนเนม 100% เพราะเมื่อเกิดปัญหา เราเท่านั้นที่จะสามารถจัดการได้เอง
- ควรจะจดโดเมนเนมกับผู้ให้บริการที่มีเครื่องมือจัดการโดเมนเนมให้ ใช้ โดยที่เราสามารถเข้าไปจัดการแก้ไขได้ด้วยตนเอง เพราะไม่อย่างนั้น อาจจะทำการย้ายโดเมนเนมเองไม่ได้ เพราะโดนผู้ให้บริการล็อคโดเมนเนมเอาไว้
- การตั้งรหัสผ่าน ในการใช้จดทะเบียนโดเมนเนมควรจะตั้งให้ยากแก่การคาดเดา เพราะถ้าง่ายจนเกินไปจะเสี่ยงต่อการคาดเดาได้ เพราะอาจจะโดนเข้าไปจัดการโอนย้ายไปเป็นของคนอื่นได้(โดนขโมยนั้นเอง)
- เมื่อเราแก้ไขข้อมูลของโดเมนเนมเรียบร้อยแล้ว เราควรจะตั้งสถานะโดเมนเนมให้เป็นล็อคเอาไว้ เพื่อป้องกันการขโมยโดเมนเนม
ลักษณะและประเภทของชื่อโดเมนเนม
แบ่งตามรูปแบบเชิงเทคนิค
ชื่อโดเมนถูกใช้เป็นหลักในการอ้างอิงถึงโฮสต์ในขอบเขตพื้นที่หนึ่ง ๆ ดังนั้น จึงมีการแยกย่อยชื่อโดเมนออกเป็นหลายระดับขั้น อาจเปรียบเทียบได้กับการแบ่งพื้นที่ออกเป็น ประเทศ จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ฯลฯ เป็นต้น โดยชื่อโดเมนระดับบนสุดจะถูกเรียกว่า Top-Level Domain Name หรือ TLD ซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งสุดท้ายทางขวามือของชื่อ เช่น .com .net .org .th .uk เป็นต้น
ระดับที่รองลงมาจาก TLD คือ SLD (Second-Level Domain Name) โดยจะอยู่ถัดจาก TLD มาทางซ้ายมือ เช่น yourconnect.com ในส่วนของ yourconnect ถือว่าเป็น SLD และ .com เป็น TLD
ส่วนที่รองลงมา หรือถูกแบ่งออกจาก SLD อีกที ก็จะอยู่ถัดจาก SLD มาทางซ้ายมือ โดยเรียกว่าเป็น Third-Level Domain Name เช่น domain.yourconnect.com ส่วนของ domain นั้นเป็น Third-Level Domain Name ของชื่อโดเมน ซึ่งการแบ่งซับโดเมนย่อยลงมานั้น โดยปกตินิยมแบ่งไม่เกิน 4 ระดับ
แบ่งตามการใช้งานและขอบเขตทางภูมิศาสตร์
การจัดแบ่งตามลักษณะการใช้งาน ปรากฏให้เห็นในการจัดแบ่งชื่อโดเมนประเภที่เรียกว่า ชื่อโดเมนสากล หรือ gTLD (generic Top-level Domain Name) และการจัดแบ่งตามขอบเขตทางภูมิศาสตร์ ปรากฏให้เห็นในการจัดแบ่งชื่อโดเมนประเภที่เรียกว่า ชื่อโดเมนประจำสัญชาติ หรือ ccTLD (country code top-level Domain Name)
กลุ่มชื่อโดเมนประเภท gTLD (generic Top-level Domain Name) เป็นกลุ่มที่เปิดกว้างให้บุคคลหรือหน่วยงานทั่วโลกจดได้โดยอิสระ เช่น .com (Commercial) .net (Networking) .org (Organaization) ดูรายละเอียดทั้งหมดของโดเมนประเภท gTLD
กลุ่มชื่อโดเมนประเภท ccTLD (country code Top-level Domain Name) เป็นกลุ่มโดเมนที่กำหนดขึ้นจากรหัสประจำประเทศ เช่น .th (Thailand) .us (United States) .jp (Japan) เป็นต้น การควบคุมดูแลชื่อโดเมนกลุ่ม ccTLD ของแต่ละประเทศ จะขึ้นอยู่กับองค์กรที่ดูแลระบบข้อมูลชื่อโดเมนประจำสัญชาตินั้น ๆ เป็นหลัก โดยองค์กรดังกล่าวอาจจะทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ดูแลระบบข้อมูลโดเมน (Registry) พร้อม ๆ กับผู้ให้บริการจดทะเบียนชื่อโดเมน (Registrar) ในเวลาเดียวกัน ชื่อโดเมนประเภท ccTLD ส่วนใหญ่จะจำกัดสิทธิ์ในการจดให้เฉพาะกับ บริษัท บุคคล หรือหน่วยงาน ที่ประกอบการหรือมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศนั้น ๆ เท่านั้น
ชื่อโดเมนถูกใช้เป็นหลักในการอ้างอิงถึงโฮสต์ในขอบเขตพื้นที่หนึ่ง ๆ ดังนั้น จึงมีการแยกย่อยชื่อโดเมนออกเป็นหลายระดับขั้น อาจเปรียบเทียบได้กับการแบ่งพื้นที่ออกเป็น ประเทศ จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ฯลฯ เป็นต้น โดยชื่อโดเมนระดับบนสุดจะถูกเรียกว่า Top-Level Domain Name หรือ TLD ซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งสุดท้ายทางขวามือของชื่อ เช่น .com .net .org .th .uk เป็นต้น
ระดับที่รองลงมาจาก TLD คือ SLD (Second-Level Domain Name) โดยจะอยู่ถัดจาก TLD มาทางซ้ายมือ เช่น yourconnect.com ในส่วนของ yourconnect ถือว่าเป็น SLD และ .com เป็น TLD
ส่วนที่รองลงมา หรือถูกแบ่งออกจาก SLD อีกที ก็จะอยู่ถัดจาก SLD มาทางซ้ายมือ โดยเรียกว่าเป็น Third-Level Domain Name เช่น domain.yourconnect.com ส่วนของ domain นั้นเป็น Third-Level Domain Name ของชื่อโดเมน ซึ่งการแบ่งซับโดเมนย่อยลงมานั้น โดยปกตินิยมแบ่งไม่เกิน 4 ระดับ
แบ่งตามการใช้งานและขอบเขตทางภูมิศาสตร์
การจัดแบ่งตามลักษณะการใช้งาน ปรากฏให้เห็นในการจัดแบ่งชื่อโดเมนประเภที่เรียกว่า ชื่อโดเมนสากล หรือ gTLD (generic Top-level Domain Name) และการจัดแบ่งตามขอบเขตทางภูมิศาสตร์ ปรากฏให้เห็นในการจัดแบ่งชื่อโดเมนประเภที่เรียกว่า ชื่อโดเมนประจำสัญชาติ หรือ ccTLD (country code top-level Domain Name)
กลุ่มชื่อโดเมนประเภท gTLD (generic Top-level Domain Name) เป็นกลุ่มที่เปิดกว้างให้บุคคลหรือหน่วยงานทั่วโลกจดได้โดยอิสระ เช่น .com (Commercial) .net (Networking) .org (Organaization) ดูรายละเอียดทั้งหมดของโดเมนประเภท gTLD
กลุ่มชื่อโดเมนประเภท ccTLD (country code Top-level Domain Name) เป็นกลุ่มโดเมนที่กำหนดขึ้นจากรหัสประจำประเทศ เช่น .th (Thailand) .us (United States) .jp (Japan) เป็นต้น การควบคุมดูแลชื่อโดเมนกลุ่ม ccTLD ของแต่ละประเทศ จะขึ้นอยู่กับองค์กรที่ดูแลระบบข้อมูลชื่อโดเมนประจำสัญชาตินั้น ๆ เป็นหลัก โดยองค์กรดังกล่าวอาจจะทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ดูแลระบบข้อมูลโดเมน (Registry) พร้อม ๆ กับผู้ให้บริการจดทะเบียนชื่อโดเมน (Registrar) ในเวลาเดียวกัน ชื่อโดเมนประเภท ccTLD ส่วนใหญ่จะจำกัดสิทธิ์ในการจดให้เฉพาะกับ บริษัท บุคคล หรือหน่วยงาน ที่ประกอบการหรือมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศนั้น ๆ เท่านั้น
การย้ายชื่อโดเมนเนม
การย้ายผู้ให้บริการโดเมน หรือ เรียกสั้น ๆ ว่า “การย้ายโดเมน” นั้นควรที่จะดำเนินการก่อนถึงวันหมดอายุโดเมนอย่างน้อย 30 วัน ทั้งนี้การดำเนินการย้ายจะต้องผ่านขั้นตอนการยืนยันการย้ายโดเมน ซึ่งจะเกิดขึ้นทั้งจากฝั่งของผู้ให้บริการรายใหม่ และจากฝั่งของผู้ให้บริการรายเดิม ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลาประมาณ 5-7 วัน นับจากวันที่เริ่มดำเนินการย้ายโดเมน และมีการยืนยันการย้ายโดเมนเกิดขึ้น
การย้ายโดเมน นอกจากเป็นการเปลี่ยนผู้ให้บริการ ยังเป็นการต่ออายุโดเมนด้วย
อย่างเช่น : หากโดเมนของท่านจะหมดอายุในวันที่ 01 January 2010 เมื่อทำการย้ายโดเมนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดเมนของท่านจะถูกต่ออายุโดเมนอัตโนมัติเป็นวันที่ 01 January 2011 ทั้งนี้มีเงื่อนไขว่าโดเมนจะต้องถูกจดทะเบียนมาแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน
หมายเหตุ : การย้ายโดเมนไม่มีผลต่อการเข้าใช้งานเว็บไซต์ หรือการใช้งานอีเมล์ เป็นเพียงการเปลี่ยนผู้ให้บริการโดเมนเนมเท่านั้น
การย้ายโดเมนมี 2 แบบ
1. การย้ายโดเมนแบบ Registrar เดียวกัน หรือ Reseller Transfer หรือ Ownership Transfer ขั้นตอนการย้ายจะใช้ระยะเวลาน้อย แต่จะต้องให้ผู้ให้บริการโดเมนของท่านเป็นผู้ดำเนินการให้ โดยทั้งนี้ผู้ให้บริการโดเมนที่ท่านกำลังจะไปใช้บริการอาจมีการร้องขอข้อมูล จากท่านเพื่อใช้ประกอบการย้ายโดเมน ซึ่งข้อมูลที่ท่านถูกร้องขอ ท่านสามารถสอบถามได้จากผู้ให้บริการโดเมนปัจจุบันของท่าน
ตรวจสอบข้อมูลของโดเมนเนม
การย้ายโดเมน นอกจากเป็นการเปลี่ยนผู้ให้บริการ ยังเป็นการต่ออายุโดเมนด้วย
อย่างเช่น : หากโดเมนของท่านจะหมดอายุในวันที่ 01 January 2010 เมื่อทำการย้ายโดเมนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดเมนของท่านจะถูกต่ออายุโดเมนอัตโนมัติเป็นวันที่ 01 January 2011 ทั้งนี้มีเงื่อนไขว่าโดเมนจะต้องถูกจดทะเบียนมาแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน
หมายเหตุ : การย้ายโดเมนไม่มีผลต่อการเข้าใช้งานเว็บไซต์ หรือการใช้งานอีเมล์ เป็นเพียงการเปลี่ยนผู้ให้บริการโดเมนเนมเท่านั้น
การย้ายโดเมนมี 2 แบบ
1. การย้ายโดเมนแบบ Registrar เดียวกัน หรือ Reseller Transfer หรือ Ownership Transfer ขั้นตอนการย้ายจะใช้ระยะเวลาน้อย แต่จะต้องให้ผู้ให้บริการโดเมนของท่านเป็นผู้ดำเนินการให้ โดยทั้งนี้ผู้ให้บริการโดเมนที่ท่านกำลังจะไปใช้บริการอาจมีการร้องขอข้อมูล จากท่านเพื่อใช้ประกอบการย้ายโดเมน ซึ่งข้อมูลที่ท่านถูกร้องขอ ท่านสามารถสอบถามได้จากผู้ให้บริการโดเมนปัจจุบันของท่าน
ตรวจสอบข้อมูลของโดเมนเนม
- การย้ายโดเมนเนม (OnlineNic)
- การย้ายโดเมนเนม (Cnobin)
- การย้ายโดเมนเนม (Enom)
สิ่งจำเป็นที่ท่านควรตรวจสอบก่อนเริ่มทำการย้ายโดเมนเนม
ตรวจสอบวันหมดอายุของโดเมน ดังที่แจ้งไปข้างต้นแล้วว่าการย้ายโดเมนควรดำเนินการก่อนโดเมนของท่านหมดอายุอย่างน้อย 30 วัน ด้วยเหตุผลในส่วนของขั้นตอนการย้าย หากท่านไม่สามารถย้ายโดเมนได้ทันก่อนวันหมดอายุ หรือหมดอายุในระหว่างขั้นตอนการย้าย อาจเสี่ยงต่อการที่จะทำให้ไม่สามารถเปิดใช้งานโดเมนได้
โดเมนที่ท่านต้องการย้ายไม่ได้ถูกล็อคอยู่ (หากโดเมนถูกล็อคอยู่ สามารถแจ้งปลดล็อคได้กับผู้ให้บริการโดเมน)
ตรวจสอบว่าอีเมล์ในส่วนของ Administrative Contact และ Registrant Contact เป็นอีเมล์ที่ท่านใช้งานอยู่หรือไม่ เนื่องจากระบบจะทำการส่งอีเมล์เพื่อยืนยันการย้ายโดเมนไปที่อีเมล์ดังกล่าว โดยอัตโนมัติ
ต้องมี Authentication Code ของโดเมน (บางผุ้ให้บริการเรียกว่า Domain Secret, Transfer Secret หรือ EPP Code) เพื่อใช้ประกอบการย้ายโดเมน ท่านสามารถสอบถามได้กับผู้ให้บริการโดเมน
โดเมนที่ท่านต้องการย้ายไม่ได้ถูกล็อคอยู่ (หากโดเมนถูกล็อคอยู่ สามารถแจ้งปลดล็อคได้กับผู้ให้บริการโดเมน)
ตรวจสอบว่าอีเมล์ในส่วนของ Administrative Contact และ Registrant Contact เป็นอีเมล์ที่ท่านใช้งานอยู่หรือไม่ เนื่องจากระบบจะทำการส่งอีเมล์เพื่อยืนยันการย้ายโดเมนไปที่อีเมล์ดังกล่าว โดยอัตโนมัติ
ต้องมี Authentication Code ของโดเมน (บางผุ้ให้บริการเรียกว่า Domain Secret, Transfer Secret หรือ EPP Code) เพื่อใช้ประกอบการย้ายโดเมน ท่านสามารถสอบถามได้กับผู้ให้บริการโดเมน
ขั้นตอนการย้ายโดเมนเนม
เมื่อทางบริษัทเริ่มขั้นตอนการย้ายโดเมนแล้ว ท่านจะได้รับอีเมล์จากทางระบบซึ่งแจ้งกี่ยวกับการย้ายโดเมน ให้ท่านคลิกที่ link ภายในอีเมล์ดังกล่าว และใส่ Authentication Code ซึ่งท่านได้รับจากผู้ให้บริการรายเดิม เพื่อทำการยืนยันการย้ายโดเมน
หลังจากที่ท่านทำการยืนยันการย้ายแล้ว ประมาณ 3-5 วัน ท่านจะได้รับอีเมล์จาก Registrar ของผู้ให้บริการรายเดิม แจ้งเกี่ยวกับว่า มีการดำเนินการย้ายโดเมนออก ให้ท่านทำการ Approve คือตอบรับการย้ายออก หรือ Deny เพื่อเป็นการปฏิเสธการดำเนินการ ภายในอีเมล์จะกำหนดวันที่เอาไว้ หากไม่ได้รับการตอบกลับใด ๆ ระบบก็จะถือว่าท่านยอมรับการย้ายโดเมนออก และจะทำการย้ายโดเมนไปไว้ที่ผู้ให้บริการใหม่โดยอัตโนมัติ
** กรุณายืนยันการย้ายโดเมนในขั้นตอนแรกทันทีที่ท่านได้รับอีเมล์ เนื่องจากว่า หากระบบไม่ได้รับการยืนยันการย้าย ระบบจะตัดการดำเนินการดังกล่าวออก และจะทำให้ต้องเริ่มดำเนินการย้ายโดเมนใหม่ ซึ่งหากว่าโดเมนของท่านใกล้วันหมดอายุจะทำให้ไม่สามารถย้ายโดเมนได้ทันเวลา และท่านจะต้องทำการต่ออายุโดเมนกับผู้ให้บริการรายเดิมก่อนอย่างน้อย 1 ปี เพื่อที่จะทำให้สามารถดำเนินการย้ายโดเมนได้อีกครั้งหนึ่ง
** หากท่านไม่สะดวกในการดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าว ท่านสามารถ forward อีเมล์ที่เกี่ยวกับย้ายโดเมนทั้งหมดมาให้กับที่บริษัท เพื่อให้เราดำเนินการแทนท่าน ทั้งนี้ท่านจะต้องแจ้ง Authentication Code ของโดเมนให้เราทราบด้วย หรือหากไม่สะดวกที่จะตรวจสอบอีเมล์ด้วยตนเอง กรุณาเปลี่ยนอีเมล์ Administrative Contact และ Registrant Contact ของโดเมนมาเป็น [email protected] เพื่อให้เราดำเนินการแทน และจะต้องแจ้ง Authentication Code ด้วยเช่นกัน
เมื่อโดเมนถูกดำเนินการย้ายเรียบร้อยแล้ว ท่านจะได้รับรายละเอียดสำหรับการจัดการ แก้ไขโดเมน อีกครั้งหนึ่ง และท่านสามารถแก้ไขรายละเอียดต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง
หลังจากที่ท่านทำการยืนยันการย้ายแล้ว ประมาณ 3-5 วัน ท่านจะได้รับอีเมล์จาก Registrar ของผู้ให้บริการรายเดิม แจ้งเกี่ยวกับว่า มีการดำเนินการย้ายโดเมนออก ให้ท่านทำการ Approve คือตอบรับการย้ายออก หรือ Deny เพื่อเป็นการปฏิเสธการดำเนินการ ภายในอีเมล์จะกำหนดวันที่เอาไว้ หากไม่ได้รับการตอบกลับใด ๆ ระบบก็จะถือว่าท่านยอมรับการย้ายโดเมนออก และจะทำการย้ายโดเมนไปไว้ที่ผู้ให้บริการใหม่โดยอัตโนมัติ
** กรุณายืนยันการย้ายโดเมนในขั้นตอนแรกทันทีที่ท่านได้รับอีเมล์ เนื่องจากว่า หากระบบไม่ได้รับการยืนยันการย้าย ระบบจะตัดการดำเนินการดังกล่าวออก และจะทำให้ต้องเริ่มดำเนินการย้ายโดเมนใหม่ ซึ่งหากว่าโดเมนของท่านใกล้วันหมดอายุจะทำให้ไม่สามารถย้ายโดเมนได้ทันเวลา และท่านจะต้องทำการต่ออายุโดเมนกับผู้ให้บริการรายเดิมก่อนอย่างน้อย 1 ปี เพื่อที่จะทำให้สามารถดำเนินการย้ายโดเมนได้อีกครั้งหนึ่ง
** หากท่านไม่สะดวกในการดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าว ท่านสามารถ forward อีเมล์ที่เกี่ยวกับย้ายโดเมนทั้งหมดมาให้กับที่บริษัท เพื่อให้เราดำเนินการแทนท่าน ทั้งนี้ท่านจะต้องแจ้ง Authentication Code ของโดเมนให้เราทราบด้วย หรือหากไม่สะดวกที่จะตรวจสอบอีเมล์ด้วยตนเอง กรุณาเปลี่ยนอีเมล์ Administrative Contact และ Registrant Contact ของโดเมนมาเป็น [email protected] เพื่อให้เราดำเนินการแทน และจะต้องแจ้ง Authentication Code ด้วยเช่นกัน
เมื่อโดเมนถูกดำเนินการย้ายเรียบร้อยแล้ว ท่านจะได้รับรายละเอียดสำหรับการจัดการ แก้ไขโดเมน อีกครั้งหนึ่ง และท่านสามารถแก้ไขรายละเอียดต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง